ฝ้า กระ ศัตรูผิวตัวร้าย ทำลายความมั่นใจ
นอกจากเรื่องสิวและริ้วรอยบนใบหน้าแล้ว อีกเรื่องที่มักสร้างความกังวลให้กับสาวๆ ไม่น้อยก็คือเรื่องฝ้า กระ และจุดด่างดำ เป็นปัญหาที่ใครเจอก็อาจทำลายความมั่นใจได้เลย เพราะฉะนั้นการเข้าใจเกี่ยวกับฝ้าและการเลือกวิธีการรักษาที่ถูกต้อง ไม่เพียงช่วยลดเลือนฝ้า ยังเผยผิวใสสุขภาพดีในระยะยาวอีกด้วย
ความแตกต่างระหว่างฝ้ากับกระ
ฝ้า เป็นภาวะรอบดำบนใบหน้าที่พบบ่อยในผู้หญิงเอเชียและผิวสี มีลักษณะเป็นปื้นดำ มีทั้งแบบตื้นและลึก มักจะเจอบริเวณโหนกแก้ม กราม หรือส่วนกลางของใบหน้า สามารถถูกกระตุ้นให้เข้มขึ้นด้วยแสงแดด การตั้งครรภ์ การทานฮอร์โมนเพศหญิง หรือยาคุมกำเนิด
กระ มีลักษณะเป็นจุดผื่นสีน้ำตาลจาง ขนาดใหญ่กว่า 5 มิลลิเมตร พบได้ในบริเวณที่สัมผัสแสงแดด บริเวณใบหน้า หลังมือและแขน ซึ่งมักพบในคนผิวขาวมากกว่าคนผิวคล้ำ ซึ่งการตากแดดอาจส่งผลให้กระสีเข้ม และเป็นเพิ่มขึ้น
5 พฤติกรรมเสี่ยงอันตรายต่อผิวหน้า
- โดนแสงแดดบ่อย แสงแดดคือตัวการสำคัญของการเกิดฝ้า กระ เพราะแสงแดดมีรังสียูวี ทั้ง UVA และ UVB ในปริมาณที่มาก ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับเป็นจำนวนมากอาจทำให้ร่างกายเกิดอนุมูลอิสระและเกิดฝ้า กระ บนใบหน้าได้ ไม่เพียงเท่านั้นยังอาจนำไปสู่โรคร้ายแนงอย่างโรคมะเร็งผิวหนังอีกด้วย ซึ่งหากจะเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านี้ ควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ หรือแต่งกายมิดชิดป้องกันแสงแดดกระทบผิวหนังโดยตรง
- การเลือกรับประทานอาหาร หากรับประทานอาหารที่เป็นของหวาน ของทอดหรืออาหารฟาสต์ฟู้ด รวมถึงอาหารที่มีไขมันมากหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่บ่อยครั้ง นั่นคือตัวการของปัญหาผิวหน้าโดยเฉพาะฝ้า กระ เพราะอาหารเหล่านี้จะทำให้ร่างกายเกิดอนุมูลอิสระที่ทำร้ายเซลล์ในร่างกายรวมทั้งเซลล์ผิวหนัง จนกลายเป็นปัญหาผิวได้ในที่สุด ดังนั้นถ้าไม่อยากให้ผิวพังควรรับประทานผักผลไม้ที่มีวิตามินซี วิตามินบี12 แร่ธาตุและไฟเบอร์ให้มากๆ จะช่วยให้ผิวมีสุขภาพที่ดีขึ้น
- มีความเครียดสะสม ความเครียดเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญของการเกิดฝ้า กระ เมื่อเกิดความเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกมา ส่งผลต่อการทำงานโดยรวมของร่างกายรวมทั้งการผลิตเม็ดสีเมลานินจะเพิ่มมากขึ้นจนสะสมเกิดเป็นปัญหาฝ้า กระ ได้ในที่สุด
- รับประทานยาคุมติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะยาคุมมีส่วนผสมของฮอร์โมนเพศ ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดสีที่ผิวเพิ่มขึ้น ผลที่ตามมาคือ คนที่รับประทานยาคุมกำเนิดต่อเนื่องจกมีโอกาสเกิดฝ้า กระ ง่ายกว่าคนที่ไม่ค่อยรับประทานยาคุมกำเนิด ดังนั้นหากจำเป็นต้องรับประทานยาคุมจริงๆ ควรรับประทานยาคุมที่มีฮอร์โมนต่ำ หรือปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
- ใช้เครื่องสำอางผิด การใช้เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารเคมีหรือสารปรอท นอกจากอันตรายกับสุขภาพร่างกายแล้วยังส่งผลเสียกับผิวหนังโดยตรง เนื่องจากสารเหล่านี้จะส่งผลให้เม็ดสีทำงานผิดปกติจนสะสมกลายเป็นฝ้า กระได้
วิธีการรักษาฝ้า แบบไหนดีอย่างไร
- การทาครีมหรือยารักษาฝ้า การทาครีมที่มีส่วนประกอบของ AHA (Alpha Hydroxy Acid) ,อาร์บูติน (Arbutin) ,กรดโคจิก (Kojic) จะช่วยลดเลือนจุดด่างดำ กระตุ้นให้เซลล์ผิวเก่าหลุดออกและผิวใหม่ขึ้นมาแทน ทำให้ฝ้าจางลง ผิวหน้าดูสม่ำเสมอ แต่ข้อเสียต้องทาครีมอย่างสม่ำเสมอ และใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล
- มาสก์หน้าด้วยหัวไชเท้า ในหัวไชเท้ามีสารไกลโคไซด์ (Glycossides) กรดแอสคอบิกและวิตามินเอ มีสรรพคุณในการผลัดเซลล์ผิวคล้ำ ลดเม็ดสีเมลานินทำให้ฝ้า กระ จุดด่างดำลดลงได้
- มาสก์หน้าด้วยใบบัวบก ในงานวิจัยพบว่าใบบัวบกมีสรรพคุณช่วยในการรักษาโรคผิวหนังได้ ใบบัวบกจะช่วยเรื่องการไหลเวียนเลือด แก้ร้อนใน ทำให้ผิวมีการฟื้นฟู สามารถนำมาปั่นแล้วเช็ดแทนโทนเนอร์ ทำทุกวันจะช่วยให้ฝ้าจางลง ข้อควรระวังคือควรล้างใบบัวบกให้สะอาดก่อนนำมาปั่น เพราะอาจมีเศษดิน สิ่งสกปรกปนเปื้อนได้
- เลเซอร์รักษาฝ้า วิธีการรักษาด้วยเลเซอร์เป็นอีกวิธีที่เห็นผลเร็ว เครื่องเลเซอร์รักษาฝ้าที่นิยมได้แก่ เลเซอร์ ND-Yag , Fractional, Q-Switch, Picosecond Laser, Copper Bromide laser เป็นต้น เป็นการยิงเพื่อปรับสภาพและรักษาความผิดปกติของสีผิว ยิงลงไปบริเวณที่เกิดฝ้าโดยตรงและทำลายเซลล์สร้างเม็ดสีด้วยความร้อน เพื่อไปกระตุ้นผิวให้ผลัดผิวไวยิ่งขึ้น แต่หลังจากยิงเลเซอร์จะมีการตกสะเก็ดและอาจทำให้ผิวไวต่อแสง ดังนั้นจึงต้องหลีกเลี่ยงแสงแดดหลังทำประมาณ 1 สัปดาห์
Website : https://www.bpksamutprakan.com/
Facebook : https://www.facebook.com/Bangpakoksamutprakan
LINE Official Account : https://lin.ee/7EFV8ra